ห่วงสถานการณ์เอลนีโญลากยาวไปจนถึงปีหน้า วอนทุกฝ่ายประหยัดน้ำ

          กรมชลประทาน เผยว่า ปัจจุบัน (28 ส.ค. 66) มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 41,949 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 34,388 ล้าน ลบ.ม
          เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 10,172 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 14,699 ล้าน ลบ.ม.
          สำหรับการทำนาปี จนถึงขณะนี้มีการทำนาปีทั่วประเทศไปแล้วประมาณ 14.76 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 87 ของแผนฯ เก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 2 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำนาปีไปแล้ว 7.43 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 92 ของแผนฯ เก็บเกี่ยวไปแล้ว 1.77 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ค่าความเค็มใน 4 ลำน้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
          กรมชลประทาน ระบุว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า สถานการณ์เอลนีโญ ยังคงมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี 2566 และอาจลากยาวไปจนถึงปีหน้า จึงได้สั่งการให้โครงการชลประทานทุกแห่ง เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีการวางแผนบริหาร จัดการน้ำล่วงหน้า 2 ปี ควบคู่ไปกับการดำเนินการตาม 5 มาตการในการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝนของกรมชลประทาน ได้แก่
          1. น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคต้องเพียงพอตลอดทั้งปี
          2.บริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด
          3.ส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก
          4.กักเก็บน้ำในเขื่อนไว้ให้ได้มากที่สุด
          5.บริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
          เพื่อบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด กรมชลประทานขอความร่วมมือเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวนาปีรอบแรกและเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ให้งดเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนมีไม่เพียงพอ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัด การจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำหรือภาชนะสำรองน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนให้ได้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar