นครพนม รวมใจรำบูชาพระธาตุพนม ถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันออกพรรษา

นครพนม รวมใจรำบูชาพระธาตุพนม ถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันออกพรรษา

วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ที่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมารอร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องบูชาและรำบูชาพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนครพนม ที่พุทธศาสนิกชนสองฝั่งโขงให้ความเคารพศรัทธา กราบไหว้บูชามานานกว่า 2,000 ปี เป็นที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระมหากัสสปะสร้างไว้ตามความเชื่อพื้นถิ่น โดยพระธาตุพนมเป็นพระธาตุที่มีเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและในลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลางที่เมื่อถึงเทศกาลสำคัญครั้งใด ประชาชนที่ให้ความเคารพสักการะบูชาจะร่วมกันนำดอกไม้ธูปเทียนมาถวายเป็นพุทธบูชา โดยประเพณีรำบูชาพระธาตุพนมมีมาตั้งแต่การสร้างพระธาตุพนมยุคแรก ๆ แล้ว แต่ไม่ได้รำติดต่อกันทุกปี กระทั่งปี พ.ศ. 2530 นายอุทัย นาคปรีชา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมในสมัยนั้น ได้ริเริ่มฟื้นฟูการรำบูชาพระธาตุพนมขึ้นมา ร่วมกับงานเทศกาลออกพรรษาไหลเรือไฟ มีการจัดให้รำบูชาพระธาตุพนมที่บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนมในช่วงเช้า จากนั้นจึงมีการไหลเรือไฟที่ตัวจังหวัดในช่วงกลางคืนของวันเดียวกัน คือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เพื่อเป็นการฟื้นฟูประเพณีอันดีงาม และส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล

โดยในปีนี้นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ตลอดจน พ่อค้า ประชาชน คณะฟ้อนรำจากทุกอำเภอของจังหวัดนครพนมและนักท่องเที่ยวร่วมกันแห่เครื่องสักการะบูชามายังบริเวณประตูโขงหน้าวัดพระธาตุพนม จากนั้นทุกคนร่วมกันประกอบพิธีทางศาสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมนำจุดธูปเทียนและกล่าวถวายเครื่องสักการะบูชาและกล่าวไหว้พระธาตุ เมื่อเสร็จพิธีคณะนางรำก็เริ่มรำบูชา เริ่มจากการรำตำนานพระธาตุพนม ซึ่งจะเป็นการเล่าถึงประวัติความเป็นมา แรงศรัทธาและความเชื่อเกี่ยวกับองค์พระธาตุพนม โดยการแสดงจะเป็นการนำเอาบทสวดสดุดีองค์พระธาตุพนมมาผสมผสานกับทำนองสรภัญญะและดนตรีมโหรี จากนั้นเป็นการฟ้อนศรีโคตรบูรณ์ เพื่อระลึกถึงความเจริญทางด้านศิลปวัฒนธรรมของอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ เป็นการผสมผสานระหว่างรำเซิ้งอีสานที่มีความสนุกสนามกับการฟ้อนรำผู้ไทยที่มีเอกลักษณ์ท่ารำ ยกสูง ก้มต่ำ รำกว้าง ต่อมาคือรำผู้ไท เรณูนครที่ได้มีการพัฒนาและดัดแปลงมาจากศิลปะการรำที่แสดงในงานเทศกาลที่สำคัญต่าง ๆ คือการรำขอฝนจากพญาแถนให้ตกถูกต้องตามฤดูกาล การรำสมโภชงานบุญมหาชาติ ซึ่งจะมีความสนุกสนาน ร่าเริง เป็นการหยอกล้อของหนุ่มสาวที่มีการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตามมาด้วยรำหางนกยูง ที่มีการดัดแปลงท่ารำมาจากการรำไหว้ครูของนักรบสมัยก่อน แต่ให้มีความอ่อนช้อยงดงามเหมือนท่านกยูงรำแพน ต่อมาเป็นการรำ 8 ชนเผ่า ที่เป็นการเล่าถึงคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครพนม ที่มีอยู่ 8 ชนเผ่าว่ามีชนเผ่าอะไรบ้าง จากนั้นเป็นการรำขันหมากเบ็ง ซึ่งเป็นการรำถวายเครื่องบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยขันหมากเบ็งเป็นเครื่องบูชาชนิดหนึ่งของชาวอีสาน ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากใบตอง มีลักษณะเป็นพานพุ่ม ประกอบไปด้วยเครื่องบูชา 5 อย่างๆ ละ 5 คู่ ได้แก่ หมาก พลู ธูป เทียน ข้าวตอก และดอกไม้ และในขั้นตอนสุดท้ายทุกคนร่วมกันรำในชุดรำเซิ้งอีสานบ้านเฮา ซึ่งในการรำชุดนี้ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมพิธีสามารถเข้ามาร่วมรำถวายเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองได้ด้วย >>> สำนักข่าว กปส. https://thainews.prd.go.th/.../detail/TCATG221010125107421

ทีมข่าว สปชส.นครพนม


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar