นายกรัฐมนตรีย้ำแก้ปัญหาน้ำ ‘ไม่ท่วม ไม่แล้ง’ ช่วยเหลือประชาชนอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรีย้ำแก้ปัญหาน้ำ ‘ไม่ท่วม ไม่แล้ง’ ช่วยเหลือประชาชนอย่างยั่งยืน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ว่า ปีนี้น้ำน้อย อีกเพียง 1 เดือนก็จบฤดูฝน อาจทำให้มีปริมาณน้ำสุทธิเมื่อจบฤดูฝนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบกับ 4 ส่วนคือ การบริโภค การใช้รักษาระบบ การใช้ในระบบอุตสาหกรรมและการใช้สำหรับการเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุด ทำให้น่าเป็นห่วงจึงต้องมีการจัดการระยะสั้น ทั้งเรื่องการใช้งบประมาณที่มีอยู่จากท้องถิ่น หรือกระทรวงมหาดไทยมาจัดการ ในการทำฝายซอยซีเมนต์ การขุดลอกแหล่งน้ำ ซึ่งทางกองทัพก็ร้องขอให้ทหารเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทางด้านเครื่องมือและแรงงานบรรเทาภัยแล้งในส่วนนี้

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์แล้ว น่าจะบรรเทาปัญหาได้ภายใน 3 วัน และพื้นที่เพาะปลูกก็ไม่น่าจะเสียหาย แต่ก็ยังมีฝนตกอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเก็บกักน้ำเพื่อใช้หลังจากจบฤดูฝนเอาไว้ใช้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เชื่อมโยงไปถึงแผนระยะยาว โครงการโขง ชี มูล เลย ที่จะต่อเข้ามาที่เขื่อนอุบลรัตน์ ถือเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งได้ฝากให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาระยะยาวได้ดีที่สุด

ส่วนแนวคิดในการเปิดตลาดการค้าใหม่ เพื่อช่วยยกระดับรายได้เกษตรกร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ตรงกับนโยบายรัฐบาลและเป็นเรื่องที่ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าที่เราวางแผนไว้ รวมไปถึงนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการค้าโลก ดังนั้นจึงต้องมีการเปิดตลาดใหม่อย่างแน่นอน โดยจะมีการขอโควตาการส่งสินค้าเพิ่มจากทางจีนและตะวันออกกลางเพิ่มแน่นอน ส่วนการลดรายจ่ายทั้งเรื่องของปุ๋ยอินทรีย์แทนปุ๋ยเคมี เพิ่มความรู้ให้พี่น้องเกษตรกรในการเพิ่มผลผลิต เป็นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ควบคู่ไปกับการพักหนี้เกษตรกร

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน้าที่รัฐบาลคือ ต้องพยายามทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่ดี สามารถกินอยู่ ลงทุนเพาะปลูกและแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ แต่ปัจจุบันปัญหาหนี้สินเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งหลังจากประชุม ครม.นัดแรก เรื่องพักนี้เกษตรกรจะเป็นเรื่องด่วน รวมทั้งการลดรายจ่าย ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรค อยากเห็นจีดีพี (การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ) มีการเติบโตที่มากกว่าในปัจจุบัน ในช่วง 4 ปีที่เป็นรัฐบาลเราอยากเห็นค่าเฉลี่ยของจีดีพีที่เติบโตร้อยละ 5 ต่อปี คือเป้าหมายสำหรับความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรีตอบว่า ขณะนี้วิป 3 ฝ่ายได้พูดคุยกันแล้ว ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารต้องเข้าไปชี้แจง หากมีคำถามที่ยังไม่เคลียร์ ก็ขอให้ทุกคนได้ติดตามนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงแนวโน้ม ในการดำเนินโครงการประกันราคาสินค้าเกษตร ว่าได้บอกแล้วว่า ทั้งการประกัน จำนำและจ้างผลิต ไม่ได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนี้ เพราะการบิดเบือนราคาตลาดโลก อาจไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องวินัยการเงินการคลัง แต่เราเน้นที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องประชาชน หากรายได้น้อยแต่ผลผลิตสูง รายจ่ายต่ำ เงินเข้ากระเป๋าสุทธิของพี่น้องประชาชนก็จะสูงขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปจำนำ หรือประกัน ที่บิดเบือนราคาตลาดโลก โดยเรามุ่งไปที่การเพิ่มรายได้สุทธิของพี่น้องเกษตรกรทั้งหมดทุกประเภท

ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ศักดิ์สิทธิ์ ประดับศิลป์ / สวท.

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย

อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ข้อความ


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar